ครั้งหนึ่งของชีวิตกับซาฟารีแห่งแทนซาเนีย
ประเทศตั้งชื่อมาจากแผ่นดินใหญ่ แทนกานยิกา (Tanganyika)และเกาะแซนซิบาร์ ที่อยู่นอกจากชายฝั่งตะวันออก
แต่เดิม แทนกานยิกา เป็นอาณานิคมของเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2428-2459 (ค.ศ. 1885-1916)
ต่อมา แทนกานยิกาได้เข้าเป็นดินแดนในอารักขาของสันนิบาตชาติและสหประชาชาติตามลำดับ โดยทั้งสันนิบาตชาติและสหประชาชาติได้มอบให้อังกฤษดูแลแทนกานยิกามาโดยตลอด จนกระทั่งแทนกานยิกาได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2504 (ค.ศ. 1961) โดยมีสถานะเป็นสาธารณรัฐภายใต้เครือจักรภพอังกฤษ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2507 (ค.ศ.1964) ระบบสุลต่านถูกโค่นล้มโดยการปฏิวัติจากชาวพื้นเมืองแอฟริกันและเกิดการขับไล่ชาวตะวันตกออกนอกประเทศและสังหารชาวอาหรับนับพันคน
แทนกานยิกาและแซนซิบาร์ ได้ตกลงรวมตัวกันเป็น สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย เมื่อ 26 เมษายน 2507 โดยแซนซิบาร์มีสถานะเป็นเขตพิเศษกึ่งปกครองตนเองและมีคณะรัฐบาลของตนเองชื่อ Revolutionary Council of Zanzibar เมืองหลวงของแทนซาเนีย ย้ายจากเมืองดาร์เอสซาลาม ไปที่เมืองโดโดมา
สาธารณรัฐแทนกานยิกา ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกาติดกับมหาสมุทรอินเดีย ระหว่างประเทศเคนยาและโมซัมบิก พรมแดนทั้งหมดยาว 3, 861 กิโลเมตร
แทนซาเนีย มีพื้นที่ 883, 749 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่าไทยประมาณ 1.5 เท่า) สภาพภูมิประเทศแทนซาเนียมีที่ราบบริเวณชายฝั่ง ตอนกลางเป็นที่ราบสูง ทางตอนเหนือและใต้มีลักษณะเป็นที่สูง
มีลักษณะอากาศแตกต่างกันจากลักษณะพื้นที่ คือ ร้อนบริเวณชายฝั่งและอากาศดี เย็นสบายๆ ในพื้นที่สูง
โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากแทนซาเนียมีแหล่งทรัพยากรแร่มากมาย เช่น เพชร ทองคำ เหล็ก กลุ่มแร่ทองคำขาว ดีบุก ทังสเตน รัตนชาติ ถ่านหิน ประกอบกับรัฐบาลแทนซาเนียมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศและโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ซึ่งปัจจุบันนักธุรกิจไทยได้เข้าไปเจาะตลาดซื้อขายแร่รัตนชาติ ในแทนซาเนียและเริ่มมีการทำเหมืองพลอยบ้างแล้ว
ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเผ่า Bantu แต่ละเผ่าพันธุ์มีภาษาและสำเนียงเฉพาะของตนเอง แต่มีไม่เกิน 1 ใน 10 ของประชากร เผ่าที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ SukumaและNyamwezi ส่วนประชากรใน เกาะแซนซิบาร์และเกาะเพมบา มีเชื้อสายแอฟริกันผสมอาหรับ
ประชาชนส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาอิสลาม 35% ความเชื่อดั้งเดิม 35%และMainland ศาสนาคริสต์ 30%
ชาวแทนซาเนียใช้ภาษาอังกฤษและสวาฮิลี (Swahili) เป็นภาษาราชการและใช้กันทั่วไปในประเทศ
ปัจจุบันมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 บาท ต่อ 72.6704 TZS (ข้อมูลล่าสุด 9 มีนาคม 2563)
เวลาช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง
*หากนำอุปกรณ์ไฟฟ้าจากประเทศไทยไปใช้ที่นั่น ควรเตรียม Universal Adapter (หัวแปลงปลั๊กไฟ) ไปด้วย
ที่ราบเซเรงเกติเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟโกรงโกโร ซึ่งปากปล่องภูเขาไฟสูงจากกระดับน้ำทะเลกว่า 7, 500 ฟุต ริมปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว พบกับบรรยากาศธรรมชาติอันแสนสบาย ลุยป่า ท่องซาฟารีภายในปล่องภูเขาไฟ จะได้พบกับสัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ นอกจากนั้นยังเป็นท้องทุ่งแห่งสรรพสัตว์แอฟริกาตะวันออก ที่ราบที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา อาณาเขตอีกปลายด้านหนึ่งจรดติดกับเขตมาไซมาราในประเทศเคนย่า
ตั้งแต่หนูแคระตัวจิ๋ว ไปจนถึงช้างแอฟริกาที่เป็นสัตว์บกใหญ่ที่สุดในโลก มีงูอย่างน้อย 130 ตระกูล รวมทั้ง งูแมมบาที่มีพิษร้ายกาจที่สุด สัตว์เลื้อยคลานและจระเข้ 168 ชนิด กบกับคางคกอีก 163 พันธุ์ ปลาน้ำจืดเกิน 1, 000 ชนิด แล้วก็ตระกูลนกอีก 1, 500 ชนิด ทั้งนกจาบ ตัวแค่หัวแม่มือและนกใหญ่ที่สุดในโลกคือ นกกระจอกเทศ อุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ (Serengeti National Park) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศแทนซาเนีย ในทวีปแอฟริกาในปี พ.ศ. 2524
กิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่นั่นก็คือ Game Drive กิจกรรมส่องกล้องหาสัตว์ป่านานาชนิดในบริเวณอันกว้างใหญ่แห่งนี้ โดยมีสัตว์ 5 ชนิด (Big Five) ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเด็ดขาดคือ แรด เสือ สิงโต ควายและช้างป่า ที่มีลักษณะอันโดดเด่นและหายาก
โดยรวมแล้วพื้นที่แห่งนี้มีวิลเดอร์บีสถึง 1.5 ล้านตัว ม้าลาย 2 แสนกว่าตัว นกกว่า 500 สปีชีส์ สิงโตกว่าหลายพันตัวและอีกหลากหลายชีวิตที่หายากบนพื้นที่แห่งนี้
สำหรับสัตว์ที่มีมากที่สุดในเซเรงเกติคือ วิลเดอร์บีส (Wildebeest) หรือนู (Gnu) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนึ่งคล้ายกับวัว ขนาดตัวเท่ากับวัวบ้านแต่มีเขาคล้ายกระทิง ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่และมีการอพยพตลอดทั้งปี เราเรียกการอพยพครั้งใหญ่แบบนี้ว่า Great Migration
การอพยพครั้งใหญ่นี้ไม่ใช่วิลเดอร์บีสทุกตัวที่จะรอดชีวิต เพราะระหว่างทางอันแสนยาวไกลนั้นมีเหล่านักล่ามากมายที่รอคร่าชีวิตพวกมันอยู่และในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน วิลเดอร์บีส จะอพยพกลับมายังเซเรงเกติอีกครั้ง นักท่องเที่ยวจึงมักจะมาเที่ยวกันช่วงปลายปีเพื่อจะได้เห็นวัฎจักรอันแสนน่าทึ่ง
ชมวิวแบบพาโนรามาของท้องทุ่งสะวันนาอันกว้างใหญ่ไพศาลของเซเรงเกติและชมฝูงสัตว์ป่าในแสงแดดแรกแห่งวัน ยามที่สัตว์ป่าเริ่มออกหากิน อาจได้พบฝูงยีราฟ ม้าลาย ยกโขยงไปหากินกันอย่างอิสระเสรี รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ค้นพบแอฟริกาอันน่าจดจำ เป็นภาพฝันที่ยากจะพบ ณ ที่แห่งใดในโลกและน้อยคนที่จะมีโอกาสได้เห็น
ขนบธรรมเนียมประเพณีและการใช้ชีวิตแบบผู้เร่ร่อน ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เฉกเช่นอดีต อีกทั้งถิ่นที่อยู่อาศัยที่อยู่บนเขตที่ราบสูงตอนเหนือ ณ บริเวณที่เรียกว่า ที่ราบสูงโกรงโกโร (Ngorongoro) อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดูสัตว์ป่าชื่อดังของโลก
มีพื้นที่ด้านก้นปล่องกว้าง 260 ตารางกิโลเมตร จากขอบปล่องถึงก้นปล่องลึก 610 เมตร ภูเขาไฟโกรงโกโร ก่อตัวขึ้นเมื่อ 2.5 ล้านปีก่อน หลังจากที่มีการระเบิดครั้งใหญ่พื้นที่ปากปล่องจึงยุบตัวลงจึงมีรูปร่างคล้ายๆ ชามอ่าง นั่นเองและจัดได้ว่าเป็นปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ปัจจุบันเชื่อกันว่า ภูเขาไฟโกรงโกโรได้ดับลงไปแล้ว
เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าบริเวณพื้นราบก้นปล่อง ประมาณ 25, 000 ตัว รวมทั้งสัตว์ขนาดใหญ่อย่าง สิงโต, แรด, ควายป่า, เสือดาว รวมถึงมีทะเลสาบน้ำเค็มบริเวณก้นปล่องที่เป็นแหล่งรวมตัวของนกฟลามิงโกฝูงใหญ่รวมถึงนกน้ำชนิดอื่น ๆ
แต่ไม่ปรากฎพบสัตว์กินพืชอย่าง อิมพาลา, โทปิ หรือยีราฟ ในส่วนของชนพื้นเมืองมี ชาวมาไซอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่
เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกามีเนื้อที่ 68, 800 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีอายุน้อยที่สุดในแถบนี้
ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหุบเขาเกรตริฟต์แวลลีย์และเป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญของทวีปแอฟริกา ทะเลสาบวิกตอเรียเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำไนล์ โดยมีแม่น้ำคาเกรา ไหลเข้ามายังทะเลสาบ
ด้วยความที่ชาวมาไซถือว่าแต่งงานกันค่อนข้างเร็วและเป็นสังคมโพโลกามี่ (Pologamy) คือสามีสามารถมีภรรยาได้มากเท่าที่ต้องการ การจะเห็นเด็กเล็กๆวิ่งไปมาในหมู่บ้านจำนวนมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เวลาสัตว์เดินในท้องทุ่งมันจะมีเสียงดัง กร่อง โกร่ง กร่อง โกร่ง ตั้งแต่นั้นมาก็เลยมีการตั้งชื่อให้กับภูเขาไฟแห่งนี้ว่าโกรงโกโร
จะเกิดหลักๆ 2 รอบที่เซเรงเกติและมาไซมารา ในประเทศแทนซาเนียและเคนยา ตามลำดับ รอบแรก เกิดจากการที่อาหาร (หญ้า) ในทางทิศใต้ของเซเรงเกติค่อยๆ หมดไป เหล่าสัตว์ก็จะค่อยๆ อพยพขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆ จนมาอยู่ตอนกลางและตอนเหนือของเซเรงเกติตามลำดับ
ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดในช่วง ประมาณเดือน 8-10 ของทุกๆปี ช้า-เร็ว ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน โดยเหตุการณ์รอบสองจะเกิดที่อุทยานแห่งชาติมาไซมาราเป็นหลัก
รอยแยกสองอันนี้ กำลังแยกออกห่างกันเรื่อยๆ พื้นที่ระหว่างรอยแยกสองอันเลยกลายเป็นหุบเหวตามธรรมชาติ
สิงโต คือ สัตว์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศวิทยาของทุ่งหญ้าสะวันนา ถ้าไม่นับมนุษย์แล้ว ไม่มีสัตว์ตัวไหนที่อยู่เหนือสิงโตขึ้นไปได้อีก
ในแถบแอฟริกา เนื่องจากเป็นกฎสาธารณสุขระหว่างประเทศ ถ้าใครที่จะเดินทางไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวต้องได้รับวัคซีนก่อนและต้องถือ หนังสือยืนยันการได้รับวัคซีน (International certificate of vaccination) ก่อนเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ด้วย เพราะจะถูกตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
โดยต้องนำสำเนาหนังสือเดินทาง หน้าที่มีรูปถ่ายและลายเซ็นไปขอรับบริการ โดยฉีดก่อนเดินทางประมาณ 10 วัน สามารถไปฉีดได้ที่หน่วยบริการวัคซีน
ก่อนการเดินทางทุกครั้ง ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ ในผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์และเตรียมยาประจำตัวไปทุกครั้ง
เชื่อฟังและรักษากฎระเบียบของสถานที่ที่ไปอย่างเคร่งครัด เช่น ระหว่างท่องซาฟารีทำตามคำแนะนำของไกด์ท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด ไม่เข้าไปใกล้สัตว์ป่าจนเกินไป ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ยื่นมือและกล้องถ่ายรูปออกไปนอกตัวรถ เป็นต้น
เพราะสัตว์ป่าคือสิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติและมนุษย์เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ ดังนั้นในบางช่วงบางจังหวะอาจมีโอกาสได้เห็นมากมายหลากหลายสายพันธุ์ หรือบางโอกาสอาจไม่ได้เห็นเลย หรืออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นขอแค่ละทิ้งความคาดหวังในการเจอสัตว์ป่าตามที่หวังไว้แล้วปล่อยตัวเองให้สนุกกับบรรยากาศรายรอบของการตามล่า หาชมสัตว์ป่าอย่างแท้จริง
เช่นหากทำกิจกรรม Game driveแนะนำการแต่งกายโทนสีครีม สีกากี เพื่อความเป็นธรรมชาติเข้ากับสถานที่และไม่เป็นจุดสนใจของสัตว์ป่าบางประเภท
หรือเตรียมเสื้อแจ๊คเกต หมวก ตามสภาพอากาศที่อาจแตกต่างกันในบางพื้นที่ เป็นต้น
ข้อแนะนำคือขอให้กดชัตเตอร์ถ่ายภาพแบบรัว ๆ ไปเลยเพราะคุณอาจจะได้รูปของสัตว์ป่า ในท่าทางอิริยาบถที่หลากหลายได้อารมณ์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง
เพราะสิ่งที่คุณถามนั่นก็คือความรู้และประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากชีวิตจริงที่หาที่ไหนไม่ได้และไกด์จะสามารถให้ความรู้ที่เป็นข้อมูลเชิงลึกของสัตว์ป่าในบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดี