iceland

การสัมมนารับเชิญ
นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชร 2567

สาธารณรัฐไอซ์แลนด์

"ดินแดนแห่งเปลวไฟและน้ำแข็ง"

ดินแดนที่มีทั้งภูเขาไฟที่ยังมีการปะทุและหลับไหล
สถานที่ที่จะเข้าถึงและสัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริง
ที่นี่มีเสน่ห์ในทุกฤดูกาล

Iceland map

ข้อมูลทั่วไป

สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ เป็นประเทศนอร์ดิกในยุโรปเหนือ มีภูมิประเทศเป็นเกาะ มีพื้นที่ 102, 775 ตารางกิโลเมตร(หรือเล็กกว่าพื้นที่ประเทศไทย เกือบ 5 เท่า) และมีภูเขาไฟประมาณ 200 ลูกที่มีขนาดแตกต่างกัน ซึ่งนับเป็นเกาะใหญ่ เป็นอันดับสองของยุโรป ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือระหว่าง กรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร

โดยมีเมืองหลวงคือเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์มีธารน้ำแข็งยึดครอง พื้นที่กว่า 11.900 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์เป็นที่สูง มากกว่าหนึ่ง ในสามของประเทศ และสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 600 เมตร

นอกจากธารน้ำแข็งแล้วยังมีพื้นที่สำหรับทำการเกษตรอีกด้วยหากเทียบกับ ขนาดของเกาะแล้ว เกาะไอซ์แลนด์ถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทวีปยุโรป และ อันดับที่ 18 ของโลกแต่ถ้าพูดถึงความหนาแน่นของประชากรในไอซ์แลนด์ ก็มีเพียงแค่ 3.6 แสนคน เท่านั้น

ภูมิอากาศ

ไอซ์แลนด์ มีภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรกึ่งอาร์กติก ซึ่งเป็นอากาศที่ค่อนข้าง อบอุ่นจากอิทธิพลของกัลฟ์สตรีม

ในเดือนมกราคมอยู่ที่ประมาณ 0°C ส่วนเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 11°C วันที่อากาศ อบอุ่นที่สุดในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิประมาณ 20-25°C ในฤดูหนาว ที่สูงของ ประเทศมีอุณหภูมิ ประมาณ -25°C ถึง -30°C

ประเทศไอซ์แลนด์ มีลมแรงมากหิมะและฝนไม่ได้ตกจากข้างบนแต่เป็นลมพัด มาตก ส่วนลมสามารถเพิ่มความรู้สึกเย็นและถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะแค่ -5°C ซึ่งสภาพภูมิอากาศไอซ์แลนด์คือการเปลี่ยนที่สามารถเกิดขึ้นในวันเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา

Hallgrímskirkja

ชมความงามของโบสถ์ประจำเมืองเรกยาวิก ซึ่งเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงสุดในไอซ์แลนด์ โบสถ์นี้ถือเป็นศาสนสถานและสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกกุดโยน แนวอิมเพรสชั่นนิสท์ เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1945 รวมเวลาก่อสร้างกว่า 38 ปี ตัวโบสถ์มีความสูงถึง 74.5 ม. ออกแบบโดย นายกุดโยน ซึ่งถือว่ามีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์และเป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวไอซ์แลนด์ และยังเป็นจุดชมวิวที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมืองเรกยาวิก คุณจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเรกยาวิกอันสวยงามได้โดยรอบ ด้านหน้าของโบสถ์ยังมีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน ซึ่งเป็นชาวนอสร์ ชาติยุโรป คนแรกที่ไปเหยียบดินแดนแถบอเมริกา โดยอนุสาวรีย์นี้สหรัฐอเมริกา ได้มอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภาของไอซ์แลนด์

บลูลากูน

Blue Lagoon

เป็นน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ มีสถานที่อาบน้ำแร่ พอกโคลนภูเขาไฟ ตั้งอยู่ในเขตลาวาใน Grindavik หากมาเที่ยวที่ทะเลสาบน้ำแร่สีฟ้าบลูลากูนแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถนอนแช่ในบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิความร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส และยังถือเป็นหนึ่งใน 25 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นบ่อน้ำร้อนสีฟ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด จากใต้ดิน อาทิ ซิลิกา (Sillica), พืชทะเล (blue green algae), โคลนซิลิกา (Sillica Mud), ฟลูออรีน (Fluoringe), โซเดียม (Sodium), โปตัสเซียม (Potassium), แคลเซี่ยม (Calcium), ซัลเฟต (Salphate) ซึ่งแร่ธาตุบางชนิดนั้นมีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณและยังรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ด้วย

วงกลมทองคำ

The Golden Circle

อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ประกอบไปด้วยสถานที่ที่โดดเด่น 3 แห่งคือ อุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Þingvellir National Park) น้ำพุร้อนกีร์เซอร์ (Geysir Geothermal Area) และน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss waterfall)

จุดท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์เหล่านี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและแต่ละก็ที่มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจเฉพาะตัว อีกทั้งมีระยะทางไม่ไกลกัน อุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) แลนด์มาร์กสำคัญทางธรณีวิทยา แหล่งมรดกโลก UNESCO และสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ยอดฮิต Game of Thrones ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงแรยาวิคเพียง 45 นาที

พื้นที่ภายในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เกิดจากรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น ระหว่างทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปยูเรเชีย รอยแยกนี้ยาวไปจนถึง ประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถเห็นแนวแผ่นเปลือกโลกแยกกัน ที่สามารถเห็นได้เหนือระดับน้ำทะเลและไม่มีที่ใดที่เห็นชัดได้กว่าที่ ซิงเควลลีร์

นอกจากนี้ยังมีภูมิทัศน์อันน่าทึ่งที่เกิดจากการนั่งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างอเมริกาเหนือและรอยแตกของเปลือกโลกที่กว้างขึ้นในแต่ละปีเนื่องจากมีการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ ทั้งในส่วนของทะเลสาบและธรรมชาติในบริเวณรอบๆ ก็ถูกขึ้นทะเบียนรวมอยู่ในอุทยานแห่งชาติด้วย

อัลมานายอง

Almannagjá

รอยแยกที่สำคัญของอุทยานThingvellir เป็นรอยเลื่อนหรือจุดที่แผ่น เปลือกโลกอเมริกาเหนือและแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียแยกออกจากกัน ซึ่งบริเวณ Almannagja เป็นที่เดียวในโลกที่เราสามารถเห็นรอยแยกแผ่นเปลือกโลกหรือรอยต่อสองทวีปที่อยู่เหนือผิวน้ำได้อย่างชัดเจน

ในจุดนี้เองนักธรณีวิทยาได้ศึกษาแล้วว่าเมื่อประมาณ 9, 000 ปี ก่อนแผ่นเปลือกโลกทั้งสองได้มีการแยกตัวออกจากกันส่งผลให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟ จนเกิดเป็นเทือกเขาใหญ่ก่อให้เกิดช่องว่างรอยเลื่อนระหว่าง 2 ทวีป

รอยเลื่อนนี้เป็นรอยเลื่อนยาวกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณพื้นดินไปจนถึงบริเวณรอยแยกใต้น้ำที่เรียกว่า ซิลฟรา (Silfra) เป็นการดำน้ำระหว่างสองทวีปเพราะอยู่ตรงรอยแยกของเปลือกโลก ที่นี่เป็นเหมือนลำธารที่มีน้ำไหลแผ่วเบา โดยมีน้ำใสราวกับคริสตัลจาก ธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) เส้นทางดำน้ำที่ Silfra มีความคดเคี้ยวตามแนวเปลือกโลกและมีความลึกถึง 80 ฟุต อุณหภูมิน้ำ 2-4 องศา ผู้ที่มาการดำน้ำที่ซิลฟราทั้งแบบสกูบาและสน็อกเกิ้ลต่างก็มีข้อบังคับพื้นฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองและผู้ที่พาคุณลงไปในน้ำด้วย

น้ำตกกุลล์ฟอสส์

Gullfoss

ชื่อน้ำตกแห่ง Gullfoss มาจากคำว่า Gull ในภาษาไอซ์แลนด์ที่แปลว่าทอง และ Foss ที่แปลว่า น้ำตก เมื่อรวมกันก็คงเป็นน้ำตกทองคำ และได้สมญานาม ว่า ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามอลังการ ด้านบนตัวน้ำตกมีพื้นที่กว่า 1 กม. และค่อยๆ หักทำมุมโค้งวนคล้าย บันไดเป็นขั้นๆ ถึง 3 ขั้นด้วยกันและลาดเอียงลดหลั่นระดับไล่ลงไปเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกสูง 11 ม. ช่วงที่ 2 สูง 21 ม. และมีรอยแยกเป็นทางเดินของน้ำกว้างประมาณ 20 ม. ลึก 32 ม. ยาวประมาณ 2.5 กม. ถือเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลก ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและลดระดับลงในโตรกเขาเบื้องล่างที่ความสูงกว่า 30 เมตร จัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องมาท่องเที่ยว

กีย์เซอร์

GeYSER

น้ำพุร้อนใต้ดินที่จะพุ่งตัวขึ้นมาจากพื้นเป็นระยะๆ โดยกีย์เซอร์ตั้งอยู่ที่หุบเขา Haukadalur อันเป็นพื้นที่แหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ เนื้อที่บริเวณกว่า 3 ตารางกิโลเมตร กีย์เซอร์จะตั้งอยู่ตามแนวรอยแยกของแผ่นเปลือกโลก

เนื่องจากได้รับพลังงานความร้อนจากแม็กมาส่งขึ้นมาโดยตรงกีย์เซอร์ที่ไอซ์แลนด์มีความพิเศษมาก เพราะเป็นกีเซอร์แรกที่พบในยุโรปและเป็นต้นกำเนิดของชื่อ “กีย์เซอร์” ถ้าเจอน้ำพุร้อนลักษณะนี้ในประเทศอื่นๆก็จะเรียกกีเซอร์เหมือนกันโดยคำว่า กีย์เซอร์ มาจากภาษาไอซ์แลนด์ Geysa ที่แปลว่า พรั่งพรู ซึ่งก็บรรยายได้ตรงตัวจริงๆ เพราะกีย์เซอร์คือน้ำใต้ดินพรั่งพรูออกมาเป็นละอองน้ำและแก๊สกลุ่มใหญ่บนอากาศ

ปกติแล้วปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยากมากๆ เนื่องจากจะต้องอาศัยปัจจัยพลังงานใต้พิภพหลายอย่าง ส่วนปัจจัยที่จะพูดถึงต่อไปนี้ต้องเกิดพร้อมกันถึงจะทำให้เกิดกีเซอร์ได้

  • แม็กม่าต้องขึ้นมาใกล้ผิวโลกมากพอเพื่อให้หินร้อนมากพอที่จะทำให้น้ำเดือดได้
  • น้ำใต้ดินจะต้องมีมากพอและเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา อย่างกีเซอร์ Strokkur นั้นได้รับน้ำเพียงพอจากการละลายของธารน้ำแข็ง Langjökull ที่ไหลมา
  • ต้องมีทางน้ำให้น้ำไหลมาที่อ่างเก็บน้ำ โดยจะอยู่ใต้ดินลงไป
  • ช่องระบายและระบบประปาต้องมีสายซิลิกาเพื่อป้องกันน้ำไหลหายไป

ภายหลังการเกิดกีย์เซอร์จะมีการปลดปล่อยน้ำร้อนออกไปใต้ดินจะเย็นตัวลงทำให้เกิดการตกตะกอนของซิลิกาบนพื้นที่โดยรอบในที่สุด

ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน

Jökulsárlón

ที่นี่เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นธารน้ำแข็งที่มีอายุมากกว่าพันปี เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งมากขึ้นๆ ในทุกๆ ปี

ปัจจุบันมีพื้นที่กว้างถึง 18 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกของน้ำในทะเลสาบถึง 200 เมตร ภาพของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบนและไหลลงสู่ทะเล ยังก่อให้เกิดทะเลสาบอีกมากและเมื่อครั้งที่โลกของเราร้อนขึ้น มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งจึงมีขนาดใหญ่มากขึ้นและลึกมากยิ่งขึ้นซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพของก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่ที่ดูสวยงามและแปลกตา ลอยล่องอยู่เต็มทะเลสาบที่นี่ได้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น เจมส์บอนด์ แบทแมน เป็นต้น

ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในที่เที่ยวไอซ์แลนด์ธรรมชาติที่สวยอันดับต้น ถือเป็นอีกหนึ่งภาพจากธรรมชาติ ที่สามารถหาชมได้ที่เกาะไอซ์แลนด์แห่งนี้

ธารน้ำแข็งลางโจกุล

Langjökull

เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของยุโรปที่นี่ผู้คนมักจะมาสนุกกันด้วยการขี่สโนว์โมบิล ชมทุ่งน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ กลาเซียร์ของไอซ์แลนด์มีความพิเศษอยู่หลายอย่างหนึ่งในนั้นคือสีสัน กลาเซียร์ที่แท้จริง (หมายถึงแบบที่ไม่ใช่กลาเซียร์ที่มีหินปนอยู่) จะมีสีขาวสะอาดตาเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของหิมะที่อัดแน่นล้วนๆ เมื่อน้ำแข็งเปลี่ยนรูปภายใต้ความกดดันที่รุนแรง พวกมันจะอัดตัวแน่นและผลักดันเอาอนุภาคของอากาศออกมาจนหมดสิ้นทำให้บางส่วนของธารน้ำแข็งมีสีน้ำเงินเข้มจนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนและดูไม่เหมือนกับเป็นของที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเนื่องจากที่ไอซ์แลนด์มีภูเขาไฟอยู่เยอะมากน้ำแข็งบางส่วนจึงมีขี้เถ้าสีดำเป็นริ้วๆ ปะปนให้เห็นด้วยซึ่งบางจุดนั้นปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตามเป็นเวลา 2000 ปีแล้วที่ไม่มีเคยเกิดเหตุการณ์การระเบิดของภูเขาไฟในพื้นที่ ทำให้อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยความเขียวขจี แต่ที่น่าสนใจคือหญ้ามอสเจริญเติบโตและปกคลุมผืนป่าของประเทศไอซ์แลนด์ตอนนี้ ได้แผ่ปกคลุมไปถึงสนามลาวา และในอีกหลายพื้นที่ สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นเบิร์ชพื้นเมืองและต้นสนที่เป็นพืชนำเข้า

Iceland

เกร็ดน่ารู้

ICELAND TIPS

ชุมชนเล็กๆ ของไวกิ้งในศตวรรษที่ 8 ค่อยๆ ขยายกลายเป็นรากเหง้าสำคัญของการปกครองของโลกปัจจุบัน มีการริเริ่มใช้สภาที่เรียกว่า Althing เมื่อปี 930 นับเป็นที่ประชุมสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก บ้านของชาวไวกิ้งจะสร้างโดยมีลักษณะเป็นแนวยาว โดยขนาดจะขึ้นอยู่กับความสำคัญของเจ้าของบ้าน หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นเหมือนการแสดงฐานะของเจ้าบ้านอีกด้วย

แต่ไม่ว่าขนาดจะแตกต่างกันเท่าใด โครงสร้างของบ้านแต่ละหลังก็จะมีลักษณะที่เหมือนกันเกือบทั้งหมด การตกแต่งภายในของบ้านของชาวไวกิ้ง จะแบ่งออกตามยาวโดยมีเสาค้ำสองแถวภายในบ้าน

Iceland เป็นประเทศที่ไม่มีต้นไม้ขึ้นตามธรรมชาติแม้จะอยู่ใกล้แหล่งน้ำก็ตาม ดังนั้นอาหาร พืช ผัก ผลไม้จึงนำเข้าทั้งหมด ส่วนประกอบหลักในอาหารของไอซ์แลนด์คือปลา เนื้อแกะ และผลิตภัณฑ์นมไอซ์แลนด์มีชุดอาหารดั้งเดิมที่เรียกว่าทอร์รามาทัวร์ (Þorramatur) รับประทานในเดือนทอร์ริ (Þorri) ตามปฏิทินดั้งเดิมของไอซ์แลนด์ ซึ่งประกอบด้วยอาหารหลากชนิด เช่น เนื้อแกะเค็ม รมควัน ปลาแห้ง และขนมปังต่างๆ เป็นต้น

Iceland
Iceland

ในบริเวณหน้าบ้านของบ้านต่างๆ ในประเทศไอซ์แลนด์นั้น บางบ้านจะมีบ้านหลังเล็กๆหน้าตาน่ารักคล้ายบ้านของเล่นที่มีขนาดไม่ใหญ่เท่าบ้านคนแต่ก็ไม่เล็กเท่าของเล่นเด็กโดยบ้านเหล่านี้ชาวไอซ์แลนด์สร้างไว้ให้'เอลฟ์'อยู่และมักจะสร้างไว้ตรงเนินเล็กๆบ้างก็สร้างไว้ใต้เนินก้อนหินก้อนใหญ่หรือบริเวณที่มีก้อนหินอยู่เพราะชาวไอซ์แลนด์เชื่อว่า เอลฟ์เหล่านี้อาศัยอยู่ใต้พื้นดินหรืออยู่ใต้ก้อนหินตรงเนินเขาบ้านต่างๆนี้มีทั้งสร้างแบบจริงจัง มีประตู มีหน้าต่าง ทาสีสวยงาม แถมมีรั้วให้อีกต่างหาก

นอกจากนั้นในวันหยุดต่างๆ ของประเทศไอซ์แลนด์ยังมีความเชื่องโยงกับเอลฟ์ เช่นวันก่อนวันขึ้นปีใหม่, วัน Twelfth Night, Midsummer Night, Christmas night ส่วนความเกี่ยวข้องนั้นก็คือความเชื่อว่าเอลฟ์จะมาฉลองอยู่ในบ้านฟาร์มใกล้ๆกับแหล่งที่อยู่ของมนุษย์ หรือไม่ก็ช่วงก่อนวันคริสต์มาสชาวไอซ์แลนด์จะต้องทำความสะอาดบ้านและนำอาหารไปวางไว้ให้ชาวเอลฟ์เมื่อถึงวันคริสต์มาส