ชายฝั่งทะเลอะเดรียติกนี้มีความงดงามอย่างมาก เริ่มจะเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ทะเลเอเดรียติกที่มีน้ำทะเลสีเทอควอยซ์ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่โด่งดังนั่นเอง
เป็นเมืองหลักของ แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำปลาวี
ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges)และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)
เวนิส มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเพราะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี มีปริมาณน้ำฝนคงที่ตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนจะอากาศจะค่อนข้างร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 21-26 องศาเซลเซียส บางวันอาจสูงถึง 30 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นอุณหภูมิเฉลี่ย 2-8 องศาเซลเซียส บางครั้งอาจจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
เวนิส อิตาลี ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 5 โดยผู้ลี้ภัยที่หลบหนีการบุกรุกจากทางเหนือ พวกเขาได้สร้างถิ่นฐานที่เป็นเอกลักษณ์ในหมู่เกาะเวนิสเพื่อป้องกันการจู่โจมจากภายนอก เวนิสเป็นเมืองบริวารของจักรวรรดิไบเซนไทน์จนกระทั่งศตวรรษที่ 10 เริ่มต้นด้วยการเป็นเส้นทางการค้าไปยังลิแวนต์ เวนิสเริ่มเป็นที่รู้จักหลัง สงครามครูเสดที่ 4 (ค.ศ. 1202-1204) ในฐานะเจ้าอาณานิคมในจักรวรรดิที่รวมเกาะครีต ยูบีอา ซิคละดีส หมู่เกาะไอโอเนียนและฐานที่มั่นในโมเรียและ อิพิรัสเข้าด้วยกัน
ในศตวรรษที่ 15 มีการรวบรวมเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคใกล้เคียง ทำให้สาธารณรัฐเวนิสกลายเป็นรัฐหนึ่งของอิตาลี เขตปกครองของเวนิสเดิมค่อย ๆ สูญเสียไปให้กลุ่มเติร์กทีละน้อยหลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานถึงสามศตวรรษจนกระทั่งเสียดินแดนสุดท้ายที่อีเจียนให้แก่กลุ่มเติร์กในปี ค.ศ. 1715
แต่มาเกิดความเสียหายรุนแรงช่วง ปี ค.ศ. 1966 จากเหตุการณ์น้ำท่วมเนื่องจากน้ำล้นคลองที่มีอยู่หลายแห่งทั่วเวนิส การบูรณะและพยายามรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมรูปแบบอิตาลี อาหรับ ไบเซนไทน์และเรอเนซองค์ ทำได้ยากเนื่องจากระดับน้ำในทะเลสาบขึ้นสูงและเกิดน้ำท่วมในตัวเมืองเป็นประจำ
ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็งดงาม ไม่ว่าภูเขาหรือทะเล รวมถึงเรื่องอาหารการกินที่มีทั้งอาหารทะเลสดๆ จากทะเลเอเดรียติก เป็นแหล่งผลิตไวน์และน้ำมันมะกอกชั้นดีและผู้คนก็มีความเป็นมิตรอย่างมาก
ตั้งอยู่ในโซนยุโรปกลาง มีรูปร่างประเทศคล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์
แต่ถ้าซูมดูใกล้ ๆ กลับกลายเป็นว่าประเทศโครเอเชียถูกแยกเป็น 2 ส่วน ด้วยชายฝั่งสั้น ๆ ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่เมือง Neum ทำให้ส่วนปลายเสี้ยวพระจันทร์ของโครเอเชียที่มีเมืองสวยสะกดใจอย่าง ดูบรอฟนีก (Dubrovnik) ถูกตัดออกไปจากแผ่นดินใหญ่
ในอดีตมอนเตเนโกรมีสถานะเป็นสาธารณรัฐในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งในสหภาพการเมืองของ เซอร์เบีย – มอนเตเนโกรและเพิ่งได้รับเอกราชเป็นรัฐประชาธิปไตยเมื่อ พ.ศ. 2549 หรือประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง
ถึงแม้จะเพิ่งได้รับเอกราชในการปกครองตนเองแต่ มอนเตเนโกร ก็เป็นประเทศที่ปลอดภัยและมีความทันสมัยสูง มีการคมนาคมระหว่างเมืองที่สะดวกสบาย แต่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์แบบยุโรปยุคกลางไว้ได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งมีความโดดเด่นด้านภูมิทัศน์ที่หลากหลาย ซึ่งขนานไปกับชายฝั่งทะเลเอเดรียติกและล้อมรอบด้วยเทือกเขาบอลข่าน เรียกได้ว่าสวยงามและน่าสนใจไม่แพ้ประเทศไหนๆเลยทีเดียว
ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมือง
ทำให้ เวนิสเป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก
ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้เรือสำราญขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าเพื่อยังคงรักษาสภาพให้เป็นเมืองปลายทางของนักท่องเที่ยวได้ตลอดไป
ดูบรอฟนิกอยู่ถัดจากสปลิทลงไปทางใต้เกือบติดชายแดนมอนเตเนโกร เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศ ที่แทบไม่ต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์หรือการตลาดใดๆ ความสวยงามของที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น
ความโดดเด่นของดูบรอฟนิก คือการเป็นเมืองโบราณริมทะเลจากยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ซึ่งยังมีกำแพงล้อมรอบ 2 กิโลเมตร ในสภาพที่สมบูรณ์ โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่าและกินของทะเลอะเดรียติค อย่างเต็มอิ่ม
คนที่เป็นแฟนซีรีส์ Game of Thrones ที่โด่งดังทั่วโลกอาจเคยได้ยินชื่อเสียงเมืองนี้มาบ้าง ในฐานะสถานที่ถ่ายทำ รวมถึงภาพยนตร์ Star Wars ภาค 8 ก็มาถ่ายที่เมืองนี้เช่นกัน
นอกจากจะได้ชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์แล้วยังเพลินไปกับการตามรอยซีรีส์ดังอีกด้วย ใช่ว่าจะมีแต่การเดินชมเมืองเก่าแก่ หรือเดินตามริมกำแพงเก่า ที่นี่ยังมีอีกหลายสิ่งให้ทำ ทั้งล่องเรือออกไปชมความงามของท้องทะเลสีน้ำเงินคราม มีมุมสวยๆของเรือยอร์ชสุดหรูจอดเทียบฝั่งอยู่เรียงราย หรือเดินสวยๆ บนชายหาดใกล้ๆ เมืองเก่า หรืออยากจะขึ้นเคเบิ้ลไปชมดูบรอฟนิก ในมุมสูงก็ทำได้อีกเหมือนกัน
เดินทอดน่องดื่มด่ำกับวิวและหาเพลงประสานเสียงพื้นบ้านที่เรียกว่า Klapa ฟังเพลินๆให้ได้บรรยากาศก็อยู่ไม่ไกลจากอ่าวจอดเรือ ผู้โดยสารที่ลงจากเรือ สามารถเดินไปชมเมืองเก่าได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) ซึ่งอยู่ห่างจากสปลิท ประมาณ 20 กิโลเมตร ก็เป็นเมืองโบราณมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่เป็นจุดท่องเที่ยว
ในอดีตเป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของทะเลเอเดรียติกและเป็นที่ช่วงชิงของหลายอาณาจักรเพื่อครองความได้เปรียบของการค้าทางทะเลในบริเวณนี้และเป็นเมืองที่ อัลเฟรด ฮิตซ์ ค็อก บอกว่าพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในโลก
ที่นี่มีผลงานศิลปะซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งสำคัญของเมืองเป็นเครื่องดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ แต่ได้พลังจากธรรมชาติให้คลื่นกระทบฝั่งกลายเป็นเสียงดนตรีช่วยบรรเลงท่วงทำนองสุดมหัศจรรย์ออกมา ออร์แกนทะเลหรือที่ชาวโครเอเชียเรียกกันว่า Morske Orgulje เป็นผลงานการออกแบบของ นิโคลา เบสิก Nikola Bašić สถาปนิกชาวซาดาร์ท้องถิ่น ที่ได้รับมอบหมายโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมาย ที่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนเหลือเพียงซาก
มอนเตเนโกร เป็นประเทศเอกราช ซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ มีอาณาเขตจรดทะเลเอเดรียติกและโครเอเชีย
ทางทิศตะวันตก จรดบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
ทางทิศเหนือและทางทิศตะวันออก จรดเซอร์เบีย
ทางทิศใต้ จรดแอลเบเนีย
มีภูมิประเทศสวยงามรายล้อมด้วยเทือกเขาและอ่าวโคเตอร์ เป็นเมืองชายฝั่งอันเงียบสงบใน ประเทศมอนเตเนโกร เมืองแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ราว 13, 510 คน เป็นเมืองท่าเรือสำคัญในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
เป็นหนึ่งในสินค้าที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองเวนิสและเมืองนี้ได้สร้างเครื่องแก้วเป่ามือที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายศตวรรษ ผลิตภัณฑ์จากแก้วมีความงดงามราวกับงานศิลป์ สร้าง ขึ้นโดยฝีมือของช่างฝีมือชาวเวนิส
เป็นอีกหนึ่งของฝากที่ได้รับความนิยม ลูกไม้ทำมือเป็นสินค้าใน Burano ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 16
หน้ากากมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในเมืองเวนิส ประดิษฐ์ขึ้นตามจินตนาการของช่างทำหน้ากาก ส่วนใหญ่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะในประวัติศาสตร์ โดยในอดีตหน้ากากในเวนิสเป็นสีขาวหรือดำ
มีแหล่งผลิตไวน์ที่มีขนาดใหญ่และรับรองรับประกันคุณภาพของไวน์ ในปัจจุบันมีไร่องุ่นที่งดงามเรียบชายฝั่งทะเล สามารถผลิตไวน์แดงรสชาติเข้มและไวน์ขาวหอมๆ แนวอโรมาติกและเป็นผู้ริเริ่มการทำไวน์ที่ปราศจากสารเคมี
ขนมปังขิงที่ตกแต่งอย่างประณีตเป็นรูปหัวใจสีแดงและสีขาวมีข้อความหลากหลาย ย้อนกลับไปในอดีต ขนมปังขิงเป็นวิธีที่ต้องการแสดงให้เห็นคนที่คุณรักพวกเขา แทนของดอกกุหลาบ เหมาะกับเป็นของที่ระลึกให้กับคนที่คุณต้องการมอบความรัก
เหยือกดินเผาแบบดั้งเดิมเป็นหนึ่งในของที่ระลึกที่นิยมมากที่สุด มีรูปร่างเหมือนนก แต่ละเหยือกนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน เนื่องจากความมีเอกลักษณ์การปั้นและการทาสีด้วยมือ เป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูหนาว แม้กระทั่งชาวโครเอเชียเองก็นิยมมากด้วยเช่นกัน
นํ้ามันที่สกัดโดยใช้กระบวนการหมักและสารสกัดจากนํ้ามันมะกอกบริสุทธิ์ ที่นิยมมากที่สุดคือนํ้ามันอัลมอนด์, นํ้ามันโรสแมรี่, นํ้ามันลาเวนเดอร์ ฯลฯ
มอนเตเนโกร มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องการผลิตไวน์ ผลิตจากองุ่นหลากหลายชนิดรวมถึง Krstač, Cabernet Sauvignon, Chardonnay และ Vranac
ประชุต หรือหมูแฮม มันถูกทำให้แห้งหรือรมควันโดยใช้เทคโนโลยีพิเศษ ความลับของชุดเครื่องเทศที่ใช้นั้นถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น หลังจากบ่มในน้ำเกลือชนิดพิเศษ แฮมหมูจะถูกรมควันประมาณ 4 เดือน โดยใช้ถ่านไม้บีชและไม้โอ๊ค เป็นเวลาเกือบปีที่พวกเขาแขวนอยู่ในอากาศบริสุทธิ์ของภูเขา
น้ำมันมะกอกที่มีชื่อเสียงของมอนเตเนโกร น้ำมันมะกอกจากที่นี่มีรสชาติดี เพิ่มกลิ่นพิเศษจากกลีบกุหลาบและสมุนไพรหอมอื่นๆ เพิ่มความอรรถรส
เนคไท สัญลักษณ์ของการฉลองชัยชนะ39 ที่โครเอเชียรบชนะชาวเตริกส์ ในยุคการล่าอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส โดยใช้ผ้าพันคอสีแดงสดเท่านั้น ตามบทประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าช่วงเวลาราว ปี 1635 หลังศึกสงคราม ทหารโครแอต (โครเอเชีย) จำนวน 6, 000 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส
โดยเกิดในตระกูลต่ำต้อยและค่อยๆไต่เต้าจากการเป็นทหารจนได้เป็นจักรพรรดิ
อาณาจักรโรมันในช่วงเวลานั้น มีความไม่สงบที่เรียกว่า " วิกฤตการณ์แห่งศษวรรตที่สาม" Crisis of the Third Century กินเวลาประมาณ 50 ปี โดยทหารหลายกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นจักรพรรดิ เกิดสงครามกลางเมือง รวมถึงโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำ จนจักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมถอย
จากนั้นพระองค์ก็สละราชบัลลังก์และมาประทับอยู่ที่พระราชวังที่สร้างเตรียมไว้ที่สปลิท จนสวรรคตในปี ค.ศ.311 ถือเป็นจักรพรรดิ์โรมันพระองค์แรกที่สละราชบัลลังก์โดยสมัครใจ
ส่วนใหญ่ประกอบด้วย Dinaric Alps หรือ ภูเขาดินารา 79 เกาะ และเกาะเล็กเกาะน้อยประมาณ 500 วิ่งขนานไปกับชายฝั่ง Brač, Pag และHvar เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ สปลิต รองลงมาคือ เมืองซาดาร์และชิเบนิก
ต่อมาได้กลายเป็นจังหวัดของโรมันและด้วยเหตุนี้วัฒนธรรมโรมานซ์จึงเกิดขึ้นพร้อมกับภาษาดัลเมเชียนที่สูญพันธุ์ไปแล้วในเวลาต่อมา