cloud bay

ALS 2023

Venice - Croatia Cruise

การสัมมนาระดับผู้นำ 2566

ล่องเรือสำราญเวนิส-โครเอเชีย

สู่การเดินทางครั้งใหม่ กับเมืองชายฝั่งทะเลอะเดรียติก

cruise

เมืองชายฝั่งทะเลอะเดรียติก บ้านเมืองหลังคาสีส้ม
ท่ามกลาง ผืนฟ้าสดใสและทะเลสีเทอควอยซ์
ล่องไปในอารยธรรมที่แตกต่าง

cloud

ข้อมูลทั่วไป

General Information

ล่องเรือสำราญ

Azamara Club Cruise

สัมผัสกับการล่องเรือสำราญระดับโลก ห้องพักทุกห้องมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม

planผังเรือ galleryแกลลอรี

ล่องไปตามชายฝั่งทะเลอะเดรียติก

Adriatic Sea

ทะเลเอเดรียติก เป็นทะเลที่แยกคาบสมุทรอิตาลี จากคาบสมุทรบอลข่านและเทือกเขาแอเพนไนน์ จากเทือกเขาดินาริกแอลป์และเทือกเขาที่ติดกัน

ทะเลเอเดรียติก เป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางด้านตะวันตกของฝั่งทะเลคืออิตาลีขณะที่ฝั่งตะวันออกเป็นประเทศโครเอเชีย, มอนเตเนโกร, แอลเบเนีย, สโลวีเนียและ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

ชายฝั่งทะเลอะเดรียติกนี้มีความงดงามอย่างมาก เริ่มจะเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ทะเลเอเดรียติกที่มีน้ำทะเลสีเทอควอยซ์ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่โด่งดังนั่นเอง

เวนิส หรือเวเน็ตเซีย

Venice or Venetia


เป็นเมืองหลักของ แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำปลาวี

ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges)และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)

ภูมิอากาศและอุณหภูมิ

เวนิส มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเพราะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี มีปริมาณน้ำฝนคงที่ตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนจะอากาศจะค่อนข้างร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 21-26 องศาเซลเซียส บางวันอาจสูงถึง 30 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นอุณหภูมิเฉลี่ย 2-8 องศาเซลเซียส บางครั้งอาจจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

ประวัติ

History

เวนิส อิตาลี ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 5 โดยผู้ลี้ภัยที่หลบหนีการบุกรุกจากทางเหนือ พวกเขาได้สร้างถิ่นฐานที่เป็นเอกลักษณ์ในหมู่เกาะเวนิสเพื่อป้องกันการจู่โจมจากภายนอก เวนิสเป็นเมืองบริวารของจักรวรรดิไบเซนไทน์จนกระทั่งศตวรรษที่ 10 เริ่มต้นด้วยการเป็นเส้นทางการค้าไปยังลิแวนต์ เวนิสเริ่มเป็นที่รู้จักหลัง สงครามครูเสดที่ 4 (ค.ศ. 1202-1204) ในฐานะเจ้าอาณานิคมในจักรวรรดิที่รวมเกาะครีต ยูบีอา ซิคละดีส หมู่เกาะไอโอเนียนและฐานที่มั่นในโมเรียและ อิพิรัสเข้าด้วยกัน

ปี ค.ศ. 1381

เวนิส ได้พ่ายแพ้ให้กับ เจนัว หลังจากที่มีการต่อสู้ทางการค้ายาวนานกว่าศตวรรษในลิแวนด์และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก

ในศตวรรษที่ 15 มีการรวบรวมเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคใกล้เคียง ทำให้สาธารณรัฐเวนิสกลายเป็นรัฐหนึ่งของอิตาลี เขตปกครองของเวนิสเดิมค่อย ๆ สูญเสียไปให้กลุ่มเติร์กทีละน้อยหลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานถึงสามศตวรรษจนกระทั่งเสียดินแดนสุดท้ายที่อีเจียนให้แก่กลุ่มเติร์กในปี ค.ศ. 1715

ปี ค.ศ. 1797

เวนิส ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออสเตรีย หลังจากเกิดการปฏิวัติในออสเตรีย เวนิสถูกปลดปล่อยคืนให้อิตาลีในปี ค.ศ. 1899 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เวนิสได้รับความเสียหายเล็กน้อย

แต่มาเกิดความเสียหายรุนแรงช่วง ปี ค.ศ. 1966 จากเหตุการณ์น้ำท่วมเนื่องจากน้ำล้นคลองที่มีอยู่หลายแห่งทั่วเวนิส การบูรณะและพยายามรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมรูปแบบอิตาลี อาหรับ ไบเซนไทน์และเรอเนซองค์ ทำได้ยากเนื่องจากระดับน้ำในทะเลสาบขึ้นสูงและเกิดน้ำท่วมในตัวเมืองเป็นประจำ

โครเอเชีย

Croatia


ประเทศที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก แต่เชื่อว่าก็มีคนรู้จักไม่น้อย เพราะเป็น 1 ในประเทศสวย ๆ ของยุโรป ที่นี่นับว่ามีความครบเครื่อง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็งดงาม ไม่ว่าภูเขาหรือทะเล รวมถึงเรื่องอาหารการกินที่มีทั้งอาหารทะเลสดๆ จากทะเลเอเดรียติก เป็นแหล่งผลิตไวน์และน้ำมันมะกอกชั้นดีและผู้คนก็มีความเป็นมิตรอย่างมาก

ประเทศโครเอเชีย

ตั้งอยู่ในโซนยุโรปกลาง มีรูปร่างประเทศคล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์


  • ทิศเหนือ:ติดกับประเทศสโลวีเนีย
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ:ติดกับประเทศฮังการี
  • ทิศตะวันออก:ติดกับประเทศเซอร์เบียร์
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ :ติดกับประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาและประเทศมอนเตเนโกร
  • ทิศตะวันตก:ติดกับทะเลเอเดรียติก

ถ้าดูแผนที่ของโครเอเชียในมุมกว้าง ก็จะเห็นว่าประเทศแห่งนี้นั้นมีปลายเสี้ยวพระจันทร์ยาวลงไปจนถึงชายฝั่งประเทศมอนเตเนโกร

แต่ถ้าซูมดูใกล้ ๆ กลับกลายเป็นว่าประเทศโครเอเชียถูกแยกเป็น 2 ส่วน ด้วยชายฝั่งสั้น ๆ ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่เมือง Neum ทำให้ส่วนปลายเสี้ยวพระจันทร์ของโครเอเชียที่มีเมืองสวยสะกดใจอย่าง ดูบรอฟนีก (Dubrovnik) ถูกตัดออกไปจากแผ่นดินใหญ่

มอนเตเนโกร

Montenegro


เป็นประเทศเล็กๆ บรรยากาศสวยงามที่ตั้งอยู่ทางยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ มีอาณาเขตติดกับทะเลเอเดรียติก ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เซอร์เบีย แอลเบเนียและโครเอเชีย

ในอดีตมอนเตเนโกรมีสถานะเป็นสาธารณรัฐในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งในสหภาพการเมืองของ เซอร์เบีย – มอนเตเนโกรและเพิ่งได้รับเอกราชเป็นรัฐประชาธิปไตยเมื่อ พ.ศ. 2549 หรือประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง

ถึงแม้จะเพิ่งได้รับเอกราชในการปกครองตนเองแต่ มอนเตเนโกร ก็เป็นประเทศที่ปลอดภัยและมีความทันสมัยสูง มีการคมนาคมระหว่างเมืองที่สะดวกสบาย แต่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์แบบยุโรปยุคกลางไว้ได้เป็นอย่างดี


อีกทั้งมีความโดดเด่นด้านภูมิทัศน์ที่หลากหลาย ซึ่งขนานไปกับชายฝั่งทะเลเอเดรียติกและล้อมรอบด้วยเทือกเขาบอลข่าน เรียกได้ว่าสวยงามและน่าสนใจไม่แพ้ประเทศไหนๆเลยทีเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

Interesting Attractions


เวนิส อิตาลี

VENICE Italy


เวนิส หรือเวเนเซีย จุดหมายปลายทางสุดโรแมนติกแห่งแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี

ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมือง

ทำให้ เวนิสเป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก

ยูเนสโกยกให้เวนิสเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก

ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้เรือสำราญขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าเพื่อยังคงรักษาสภาพให้เป็นเมืองปลายทางของนักท่องเที่ยวได้ตลอดไป

ดูบรอฟนิก โครเอเชีย

DUBROVNIK Croatia


ดูบรอฟนิกอยู่ถัดจากสปลิทลงไปทางใต้เกือบติดชายแดนมอนเตเนโกร เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศ ที่แทบไม่ต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์หรือการตลาดใดๆ ความสวยงามของที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น

"ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก"
ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก

ความโดดเด่นของดูบรอฟนิก คือการเป็นเมืองโบราณริมทะเลจากยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ซึ่งยังมีกำแพงล้อมรอบ 2 กิโลเมตร ในสภาพที่สมบูรณ์ โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่าและกินของทะเลอะเดรียติค อย่างเต็มอิ่ม

คนที่เป็นแฟนซีรีส์ Game of Thrones ที่โด่งดังทั่วโลกอาจเคยได้ยินชื่อเสียงเมืองนี้มาบ้าง ในฐานะสถานที่ถ่ายทำ รวมถึงภาพยนตร์ Star Wars ภาค 8 ก็มาถ่ายที่เมืองนี้เช่นกัน

นอกจากจะได้ชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์แล้วยังเพลินไปกับการตามรอยซีรีส์ดังอีกด้วย ใช่ว่าจะมีแต่การเดินชมเมืองเก่าแก่ หรือเดินตามริมกำแพงเก่า ที่นี่ยังมีอีกหลายสิ่งให้ทำ ทั้งล่องเรือออกไปชมความงามของท้องทะเลสีน้ำเงินคราม มีมุมสวยๆของเรือยอร์ชสุดหรูจอดเทียบฝั่งอยู่เรียงราย หรือเดินสวยๆ บนชายหาดใกล้ๆ เมืองเก่า หรืออยากจะขึ้นเคเบิ้ลไปชมดูบรอฟนิก ในมุมสูงก็ทำได้อีกเหมือนกัน

สปลิท โครเอเชีย

SPLIT Croatia


สปลิท เป็นเมืองท่าสำคัญมาตั้งแต่สมัยโรมัน ที่นี่มีวังของจักรพรรดิดิโอคลีเธียน ที่แสนอลังการหลงเหลืออยู่ให้ค้นหา

เดินทอดน่องดื่มด่ำกับวิวและหาเพลงประสานเสียงพื้นบ้านที่เรียกว่า Klapa ฟังเพลินๆให้ได้บรรยากาศก็อยู่ไม่ไกลจากอ่าวจอดเรือ ผู้โดยสารที่ลงจากเรือ สามารถเดินไปชมเมืองเก่าได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) ซึ่งอยู่ห่างจากสปลิท ประมาณ 20 กิโลเมตร ก็เป็นเมืองโบราณมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่เป็นจุดท่องเที่ยว

ซาดาร์ โครเอเชีย

ZADAR Croatia


ไซาดาร์ (Zadar) เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ห้า ของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับทะเลเอเดรียติกในภูมิภาคดัลเมเทีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ 2, 800 ปี

ในอดีตเป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของทะเลเอเดรียติกและเป็นที่ช่วงชิงของหลายอาณาจักรเพื่อครองความได้เปรียบของการค้าทางทะเลในบริเวณนี้และเป็นเมืองที่ อัลเฟรด ฮิตซ์ ค็อก บอกว่าพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในโลก

ที่นี่มีผลงานศิลปะซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งสำคัญของเมืองเป็นเครื่องดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ แต่ได้พลังจากธรรมชาติให้คลื่นกระทบฝั่งกลายเป็นเสียงดนตรีช่วยบรรเลงท่วงทำนองสุดมหัศจรรย์ออกมา ออร์แกนทะเลหรือที่ชาวโครเอเชียเรียกกันว่า Morske Orgulje เป็นผลงานการออกแบบของ นิโคลา เบสิก Nikola Bašić สถาปนิกชาวซาดาร์ท้องถิ่น ที่ได้รับมอบหมายโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมาย ที่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนเหลือเพียงซาก

โคเตอร์ มอนเตเนโกร

KOTOR Montenegro


มอนเตเนโกร เป็นประเทศเอกราช ซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ มีอาณาเขตจรดทะเลเอเดรียติกและโครเอเชีย

ทางทิศตะวันตก จรดบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

ทางทิศเหนือและทางทิศตะวันออก จรดเซอร์เบีย

ทางทิศใต้ จรดแอลเบเนีย

เมืองโคเตอร์ เป็นเมืองโบราณอายุกว่า 2, 000 ปี มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน รับหน้าที่เป็นเมืองชายฝั่งทะเลสำคัญในอดีตและเป็นศูนย์กลางการค้าในแถบทะเลเอเดรียติก

มีภูมิประเทศสวยงามรายล้อมด้วยเทือกเขาและอ่าวโคเตอร์ เป็นเมืองชายฝั่งอันเงียบสงบใน ประเทศมอนเตเนโกร เมืองแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ราว 13, 510 คน เป็นเมืองท่าเรือสำคัญในแถบเมดิเตอร์เรเนียน

ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมืองแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ภายในเมืองมีกำแพงเมือง ป้อมปราการจากอดีต คูคลองที่เชื่อมกับอ่าวและอาคารบ้านเรือนแบบยุคกลางที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ไว้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ Natural and Culturo-Historical Region of Kotor

ของที่ระลึก ของฝากที่น่าสนใจ

Souvenirs

Venice / Croatia / Montenegro

แก้วศิลปะ

Murano glass

Venice Souvenirs

เป็นหนึ่งในสินค้าที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองเวนิสและเมืองนี้ได้สร้างเครื่องแก้วเป่ามือที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายศตวรรษ ผลิตภัณฑ์จากแก้วมีความงดงามราวกับงานศิลป์ สร้าง ขึ้นโดยฝีมือของช่างฝีมือชาวเวนิส

ลูกไม้มูราโน่

Burano lace

Venice Souvenirs

เป็นอีกหนึ่งของฝากที่ได้รับความนิยม ลูกไม้ทำมือเป็นสินค้าใน Burano ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

หน้ากาก

Venetian masks

Venice Souvenirs

หน้ากากมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในเมืองเวนิส ประดิษฐ์ขึ้นตามจินตนาการของช่างทำหน้ากาก ส่วนใหญ่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะในประวัติศาสตร์ โดยในอดีตหน้ากากในเวนิสเป็นสีขาวหรือดำ

ไวน์ โครเอเชีย

Croatia Wine

Croatia Souvenirs

มีแหล่งผลิตไวน์ที่มีขนาดใหญ่และรับรองรับประกันคุณภาพของไวน์ ในปัจจุบันมีไร่องุ่นที่งดงามเรียบชายฝั่งทะเล สามารถผลิตไวน์แดงรสชาติเข้มและไวน์ขาวหอมๆ แนวอโรมาติกและเป็นผู้ริเริ่มการทำไวน์ที่ปราศจากสารเคมี

ขนมปังขิง

Gingerbread

Croatia Souvenirs

ขนมปังขิงที่ตกแต่งอย่างประณีตเป็นรูปหัวใจสีแดงและสีขาวมีข้อความหลากหลาย ย้อนกลับไปในอดีต ขนมปังขิงเป็นวิธีที่ต้องการแสดงให้เห็นคนที่คุณรักพวกเขา แทนของดอกกุหลาบ เหมาะกับเป็นของที่ระลึกให้กับคนที่คุณต้องการมอบความรัก

เหยือกดินเผา

Clay jar

Croatia Souvenirs

เหยือกดินเผาแบบดั้งเดิมเป็นหนึ่งในของที่ระลึกที่นิยมมากที่สุด มีรูปร่างเหมือนนก แต่ละเหยือกนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน เนื่องจากความมีเอกลักษณ์การปั้นและการทาสีด้วยมือ เป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูหนาว แม้กระทั่งชาวโครเอเชียเองก็นิยมมากด้วยเช่นกัน

นํ้ามันหอมระเหย

Essential oil

Croatia Souvenirs

นํ้ามันที่สกัดโดยใช้กระบวนการหมักและสารสกัดจากนํ้ามันมะกอกบริสุทธิ์ ที่นิยมมากที่สุดคือนํ้ามันอัลมอนด์, นํ้ามันโรสแมรี่, นํ้ามันลาเวนเดอร์ ฯลฯ

ไวน์ มอนเตเนโกร

Montenegrin Wine

Montenegro Souvenirs

มอนเตเนโกร มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องการผลิตไวน์ ผลิตจากองุ่นหลากหลายชนิดรวมถึง Krstač, Cabernet Sauvignon, Chardonnay และ Vranac

ประชุต

Prosciutto

Montenegro Souvenirs

ประชุต หรือหมูแฮม มันถูกทำให้แห้งหรือรมควันโดยใช้เทคโนโลยีพิเศษ ความลับของชุดเครื่องเทศที่ใช้นั้นถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น หลังจากบ่มในน้ำเกลือชนิดพิเศษ แฮมหมูจะถูกรมควันประมาณ 4 เดือน โดยใช้ถ่านไม้บีชและไม้โอ๊ค เป็นเวลาเกือบปีที่พวกเขาแขวนอยู่ในอากาศบริสุทธิ์ของภูเขา

น้ำมันมะกอก

Olive oil

Montenegro Souvenirs

น้ำมันมะกอกที่มีชื่อเสียงของมอนเตเนโกร น้ำมันมะกอกจากที่นี่มีรสชาติดี เพิ่มกลิ่นพิเศษจากกลีบกุหลาบและสมุนไพรหอมอื่นๆ เพิ่มความอรรถรส

เกร็ดน่ารู้

Tips to know

เนคไท จุดกำเนิดจากโครเอเชีย

Necktie


เนคไท สัญลักษณ์ของการฉลองชัยชนะ39 ที่โครเอเชียรบชนะชาวเตริกส์ ในยุคการล่าอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส โดยใช้ผ้าพันคอสีแดงสดเท่านั้น ตามบทประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าช่วงเวลาราว ปี 1635 หลังศึกสงคราม ทหารโครแอต (โครเอเชีย) จำนวน 6, 000 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส

เมื่อพระเจ้าหลุยส์ ทอดพระเนตรไปเห็นผ้าพันคอสีแดงรูปโบ รอบคอของเหล่าทหารโครแอตอันแสดงถึงเกียรติแห่งชัยชนะ จึงได้นำเอามาใช้บ้างและเรียกมันว่า Cravat ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า Croat จึงเรียกได้ว่า พระเจ้าหลุยส์ เป็นผู้บุกเบิกแฟชั่นที่ปัจจุบันแพร่หลายกันทั่วโลก

จักรพรรดิดิโอเคเชียน

Emperor Diocean


จักรพรรดิดิโอเคเชียน บ้างก็ออกเสียงว่า ไดโอคลีเชียน ถือเป็นจักรพรรดิองค์สำคัญของโรมัน พระองค์มีชีวิตอยู่ใน ค.ศ. 245-311

โดยเกิดในตระกูลต่ำต้อยและค่อยๆไต่เต้าจากการเป็นทหารจนได้เป็นจักรพรรดิ

อาณาจักรโรมันในช่วงเวลานั้น มีความไม่สงบที่เรียกว่า " วิกฤตการณ์แห่งศษวรรตที่สาม" Crisis of the Third Century กินเวลาประมาณ 50 ปี โดยทหารหลายกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นจักรพรรดิ เกิดสงครามกลางเมือง รวมถึงโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำ จนจักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมถอย

ดิโอคลิเชียน เกิดในสปลิทริมชายฝั่งโครเอเชีย เมื่อพระองค์ได้เป็นจักรพรรดิ ก็สามารถยุติความวุ่นวายต่างๆภายในเวลา 20 ปี (ค.ศ.285-305)

จากนั้นพระองค์ก็สละราชบัลลังก์และมาประทับอยู่ที่พระราชวังที่สร้างเตรียมไว้ที่สปลิท จนสวรรคตในปี ค.ศ.311 ถือเป็นจักรพรรดิ์โรมันพระองค์แรกที่สละราชบัลลังก์โดยสมัครใจ

แดลเมเชีย โคสต์

Dalmatia Coast


Dalmatia เป็นแถบแคบๆ ของชายฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติกซึ่งทอดยาวจาก เกาะRab ทางตอนเหนือไปยัง อ่าว Kotor



ทางใต้ ดัลเมเชี่ยน Hinterland ช่วงกว้างตั้งแต่ ห้ากิโลเมตรในภาคเหนือ จะมีเพียงไม่กี่กิโลเมตรในภาคใต้



ส่วนใหญ่ประกอบด้วย Dinaric Alps หรือ ภูเขาดินารา 79 เกาะ และเกาะเล็กเกาะน้อยประมาณ 500 วิ่งขนานไปกับชายฝั่ง Brač, Pag และHvar เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ สปลิต รองลงมาคือ เมืองซาดาร์และชิเบนิก



ชื่อของภูมิภาคนี้เกิดจาก อิลลิเรียนเผ่าที่เรียกว่า Dalmatae ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ในสมัยโบราณคลาสสิก

ต่อมาได้กลายเป็นจังหวัดของโรมันและด้วยเหตุนี้วัฒนธรรมโรมานซ์จึงเกิดขึ้นพร้อมกับภาษาดัลเมเชียนที่สูญพันธุ์ไปแล้วในเวลาต่อมา

ต่อมาส่วนใหญ่แทนที่ด้วยภาษาเวเนเชียนที่เกี่ยวข้องกัน ด้วยการมาถึงของ ชาวโครแอต (Croats) ในพื้นที่ในศตวรรษที่ 8 ซึ่งครอบครองส่วนใหญ่ของ Hinterland องค์ประกอบของโครเอเชียและโรมานซ์ เริ่มผสมผสานกันในภาษาและวัฒนธรรม

พื้นที่บริเวณ Dalmetia มีชายฝั่งที่สวยงามยาวนับพันกิโลเมตร พร้อมเมืองที่สวยงามระดับแม่เหล็ก เมืองที่ทางนักธุรกิจแอมเวย์ จะเริ่มเดินทางล่องเรือสำราญครั้งนี้ เช่น ซาดาร์ สปลิท ดูบรอฟนิกและโคตอร์ นั่นเอง